เมื่อวานนี้มีนหลังไมค์ ส่งคลิปมาให้ผมแล้วบอก...

เมื่อวานนี้มีนหลังไมค์ ส่งคลิปมาให้ผมแล้วบอกว่าวานช่วยรีวิวหนังสั้นของเค้าหน่อย คือรู้สึกเป็นเกียรติ์มากเลย ที่มีคนอยากให้รีวิวหนังของเค้า ทั้งๆที่รู้ว่าผมปากจัดขนาดนี้ แต่จริงๆผมบอกก่อนเลยว่าผมรักหนังไทยมากนะครับ หนังไทยกากๆหลายเรื่องที่คนด่าๆๆๆๆ นี่ได้ตังผมทั้งนั้นนะครับ แต่สำหรับเรื่องนี้ความยาวครึ่งชั่วโมง ตอนแรกเค้าส่งเทรลเลอร์มาก่อน ผมก็มองว่ามันน่าสนใจพอสมควรเลย ตัวหนังชื่อเรื่องว่า ผู้พิทักษ์ THE GUARDIAN

ผมอยากจะขอพูดแบบตรงไปตรงมา ทั้งในส่วนดีและส่วนด้อยเลยละกันนะครับ

เรื่องราวของ ผู้พืทักษ์ THE GUARDIAN นั้นเป็นเรื่องจริงจากชีวิตช่วงหนึ่งของนักมวยแชมป์โลก แสน ส เพลินจิตร ที่กำลังอยู่ในช่วงที่เพิ่งเสียแชมป์ และ ได้เข้ามามีโอกาสสอนให้เด็กพิเศษอย่าง พิทักษ์ ได้ซ้อมมวย จนได้เป็นนักกีฬาสีเด็กพิเศษ โดยมี ออม สุชาร์ มารับบทเป็นน้ำ พี่สาวของพิทักษ์ ที่รับภาระดูแลทั้งน้องและแม่ เนื้อเรื่องมีแค่นี้เอง ด้วยความที่เป็นหนังสั้น รายละเอียดดีเทล การปูพื้นตัวละคร อาจจะยากในการนำเสนอ แต่ผมขอชมการนำเสนอของผู้กำกับว่าการใช้ภาพและเสียงบรรยายการชกมวยในทีวียุคนั้น ทำออกมาได้ดีครับ น่าสนใจ ทำให้หนังแลดูมีชั้นเชิงในการนำเสนอพอสมวครเลย แต่ที่ผมอยากจะขอติเลยแบบจริงๆจังๆเลยคือ เพลง ครับ หนังเรื่องนี้ใช้เพลงเยอะมากไปครับ เยอะจนเหมือนดู MV ไปเลย ส่วนตัวผมอยากเห็นการเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาของนักแสดงให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะ ออม สุชาร์ ผมว่าออมไม่ได้มีดีแค่สวยนะ เธอมีเสน่ห์ และน่ารักด้วย ความสวยของออมไม่เป็นปัญหาในการรับบทสาวบ้านๆในเรื่องนี้เลย เพราะการแสดงเป็นธรรมชาติ ส่วนพระเอกที่มารับบทนักมวย แสน สเพลินจิต ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นนักมวยอาชีพ การแสดงก็แข็งจริงอะไรจริง แต่เอาเข้าจริงๆ เค้าเป็นนักมวยมาเล่นเป็นนักมวย บวกน้ำเสียงซื่อๆ บ้านๆ มันก็ทำให้หนังไปได้ในแนวทางของมันดีเหมือนกัน

หนังเรื่องนี้ถ่ายภาพสวยนะครับ บทพูดก็ออกมาดูดีไม่ประดักประเดิด การเล่าเรื่องไม่มีเทคนิคอะไรมาก ดูๆไปเอาเข้าจริงๆ ก็เหมือนสารคดีของเสถียรธรรมสถานที่ดูมีคลาสกว่าสารคดีแนะนำสถานปฏิบัติธรรมอื่นๆ คือมีการใช้เทคนิคทางภาพยนตร์เข้ามาช่วยทำให้ดูดีเลย แต่อย่างที่บอก ผมว่าเพลงมันเยอะไปนิด ผมไม่ค่อยชอบตอนจบที่เอาภาพสโลว์มาประกอบเพลงร่วม 5-6 นาทีจนหนังจบ

ผมว่า ผู้พิทักษ์THE GUARDIAN มีโครงเรื่องที่น่าสนใจนะครับ ถ้าเอาไปพัฒนาต่อในเรื่องของอุปสรรคของตัวละครให้มันเยอะกว่านี้ ขยายความต่อในเรื่องราวรายละเอียดให้มากขึ้น แล้วทำให้เป็นหนังยาวสัก 90 -100 นาที คุณภาพ โปรดักชั่นประมาณนี้ เอาลงโรงใหญ่ ยังดูดีกว่าหนังไทยที่ได้เข้าโรงใหญ่บางเรื่องเลย


ขอบคุณที่เอาคลิปมาให้ชมนะครับ

---